สำหรับเหล่านักกีฬาที่ต้องการความฟิต การซ้อมอย่างต่อเนื่อง วิ่งไกล ปั่นนาน โดยที่ไม่ได้รับพลังงานเติมเข้าไประหว่างการออกกำลังกาย อาจจะทำให้ร่างกายหมดแรงไวกว่าที่คาดเอาไว้ คำถามต่อมาคือ แล้วร่างกายจะได้รับพลังงานยังไง เพื่อให้ร่างกายยังมีแรง และลดความเสี่ยงของการเป็นตะคริวหรืออ่อนแรงได้ Energy Gel ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการให้พลังงานกับร่างกายทั้งในระหว่างการซ้อม และการลงสนามจริง แล้วทำไมต้องกิน Energy Gel แทนที่จะกินอาหารประเภทอื่น?
ทำไมต้องกิน Energy Gel ระหว่างการซ้อมและลงสนามจริง
ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน หรือการออกกำลังกาย ลงสนามก็ตาม ร่างกายของเราได้พลังงานมาจากสารอาหารสองประเภทด้วยกัน นั่นคือ คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน สำหรับไขมัน เป็นพลังงานที่เหมาะกับช่วงเวลาการทำกิจกรรมที่มีความเข้มข้นต่ำถึงปานกลาง แต่สำหรับการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง ร่างกายต้องการพลังงานอย่างรวดเร็ว ทำให้คาร์โบไฮเดรจเป็นตัวเลือกของแหล่งพลังงานที่เหมาะสม เนื่องจากสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้รวดเร็วกว่าไขมัน และร่างกายสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่ขาดออกซิเจนด้วย
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงต้องเติมคาร์โบไฮเดรตในเจลพลังงานขณะที่ออกกำลังกายหรือลงสนามจริง แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกคาร์โบไฮเดรตให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาควบคู่กันไป เพราะไม่ใช่แค่ “มีคาร์บ” แล้วจบ แต่ชนิดของคาร์บและอัตราส่วน มีผลกับพลังงานที่ร่างกายได้รับโดยตรงอีกด้วย
คาร์โบไฮเดรตยอดฮิตในเจลพลังงาน
หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าทำไมต้องกินคาร์บหลายชนิดใน Energy Gel เพราะว่าคาร์โบไฮเดรต ยังไงก็คือคาร์โบไฮเดรต แต่รู้หรือไม่ว่า คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิด มีความแตกต่างอย่างไรกันบ้าง
Glucose (กลูโคส)
- ดูดซึมไว ให้พลังงานเร็ว
- น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที
- พบได้มากที่สุดในธรรมชาติ และสามารถเข้ากระบวนการเผาผลาญระดับเซลล์ได้
- ร่างกายสามารถเก็บกลูโคสส่วนเกินไปในอวัยวะต่างๆ เช่น หากเก็บที่ตับและกล้ามเนื้อ กลูโคสจะถูกเก็บในรูปของไกลโคเจน เป็นต้น
- การดูดซึมกลูโคสเกิดขึ้นที่ลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลาง โดยจะถูกลำเลียงเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานแก่เซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย
Maltodextrin (มอลโทเด็กซ์ตริน)
- ให้พลังงานเร็วคล้ายกลูโคส แต่อยู่ได้ยาวกว่า
- คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่ได้ย่อยกลายเป็นน้ำตาลกลูโคส
- ให้พลังงานที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
- มักใช้เพื่อเสริมคาร์โบไฮเดรต ช่วยป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ
- เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่ออยากเพิ่มปริมาณคาร์บโดยไม่หวานจัด
- การดูดซึมมอลโทเด็กซ์ตรินเกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก
Fructose (ฟรุกโตส)
- พบในผักและผลไม้ที่ให้รสหวาน
- ถูกส่งไปยังตับ เพื่อเปลี่ยนเป็นกลูโคสก่อนนำไปใช้งาน
- การดูดซึมฟรุกโตสเกิดขึ้นที่ผนังลำไส้เล็ก เข้าสู่กระแสเลือด และนำไปใช้เป็นพลังงาน
รวม 4 เหตุผลที่ต้องเลือกเจลพลังงานที่มีคาร์บเพียงพอ
เลือกคาร์บผิดสูตร ดูดซึมไม่ทัน แรงหมดกลางทาง
นักวิ่ง นักปั่น สายออกแรงหลายคนอาจจะมองข้ามคำถามสำคัญอย่าง “เจลพลังงานใส่คาร์บแบบไหน? แล้วสัดส่วนเท่าไหร่?” เพราะ ชนิดของคาร์บ และ อัตราส่วน มีผลกับพลังงานที่ร่างกายได้รับโดยตรง นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เหล่านักกีฬาควรจะต้องพิจารณาว่าเจลให้พลังงานที่ต้องการ ให้คาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่
ผลิตภัณฑ์เจลให้พลังงานสูตรเฉพาะของ X-REAL เลือกใช้คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 29 กรัม (C29) ในอัตราส่วน 2:1 ระหว่าง Glucose : Fructose เพราะเราตระหนักถึงพลังงานที่เหล่านักกีฬาควรจะต้องได้รับ และสามารถดูดซึม เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
1. ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์บในเจลพลังงานได้พร้อมกัน
หลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า กลูโคส และ ฟรุกโตส ดูดซึมผ่านคนละช่องทางในลำไส้เล็ก ที่กลูโคสดูดซึมผ่านลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลาง ส่วนฟรุกโตสดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็ก นั่นหมายความว่า ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ทั้งสองช่องทาง ทำให้ ร่างกายจะ “รับคาร์บได้พร้อมกันมากขึ้น” ไม่ต้องแย่งประตูกัน ส่งผลให้ดูดซึมเร็วกว่า ใช้เป็นพลังงานได้ไวกว่า รับคาร์บได้สูงถึง 90 กรัมต่อชั่วโมง
ในคนทั่วไปหรือคนที่เพิ่งเริ่มเติมเจลพลังงานระหว่างการซ้อม อาจจะเริ่มต้นกินเจลพลังงานประมาณ 30-60 กรัมต่อชั่วโมง แต่สำหรับนักกีฬาที่ผ่านการ Train the Gut มาอย่างดี (เช่น Pro Marathoners / Ultra Athletes / Triathletes) ร่างกายสามารถดันการกินคาร์บไปได้ถึง 100-120 กรัมต่อชั่วโมง โดยไม่เกิดอาการท้องอืด
2. ลดโอกาส “แน่นท้อง” หรือท้องอืดระหว่างกิจกรรม
การรับคาร์บในเจลพลังงานที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ส่งลผให้เกิดอาการท้องอืดตามมาได้ สำหรับการเติมเจลพลังงานนั้น หากเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีแค่เพียงรูปแบบเดียว อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ แต่ถ้าหากเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีหลายชนิด อย่าง กลูโคสและฟรุกโตส ที่ดูดซึมคนละช่องทาง จะช่วยให้ร่างกายสามารถรับคาร์โบไฮเดรตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ตกค้าง ไม่แน่นท้อง
นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่นักวิ่งมาราธอน นักไตรกีฬา ระดับโลก เลือกสูตรที่มีคาร์โบไฮเดรตสองช่องทางนี้ เพราะวิ่งไปกินไปได้สบายท้องกว่าเดิม ที่สำคัญเลยก็คือ ยิ่งเป็นนักวิ่ง ยิ่งต้องระวัง เพราะการวิ่งมีแรงกระแทก แรงสะเทือนตลอดเวลา ลำไส้ก็เลยมีโอกาสรวนหรือไม่สบายท้องได้มากกว่ากีฬาอื่นๆ อย่างปั่นจักรยานหรือว่ายน้ำ

3. คิดมาเพื่อ Field Performance จริง ไม่ใช่แค่บนกระดาษ
X-REAL Energy Gel สูตรเฉพาะของ X-REAL ไม่ใช่แค่การคำนวณตัวเลขแค่ในห้องแลปเท่านั้น เพราะสูตร Dual Carb อัตราส่วน 2:1 (กลูโคส:ฟรุกโตส) + C29 ผ่านการทดสอบจากนักกีฬาในสนามซ้อมไปจนถึงสนามแข่ง ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อเก็บข้อมูลว่าและนำมาพัฒนา เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับนักกีฬาทุกประเภท ทั้งมือใหม่ไปจนถึงนักกีฬาระดับอิลิทที่ต้องการคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่สูงต่อชั่วโมง เพราะให้พลังงานที่พอดี ไม่ล้น ไม่ขาดจนเกินไป ให้ความรู้สึกสดชื่น กินลื่นคอ และสบายท้อง
4. สูตร 2:1 ช่วยให้ “ออกแบบแผนการกินคาร์บระยะยาว” ได้ง่ายขึ้น
เวลาออกกำลังนานๆ (เช่น วิ่งมาราธอน, ไตรกีฬา, ปั่นไกลกว่า 100 กม) แค่พกเจลพลังงานอย่างเดียวมักไม่พอ หลายคนต้องสลับการรับคาร์บในเจลพลังงานกับคาร์บรูปแบบอื่น เช่น sports drink, energy bar หรือขนมปัง ข้าวปั้น เป็นต้น
นอกจากคำถามที่ว่าทำไมต้องกิน Energy Gel แล้ว เรื่องของแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายต้องได้รับจาก Energy Gel ก็เป็นสิ่งที่คนมองข้ามกัน เพราะถ้าแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่เลือกไม่มีสูตรที่สมดุล หรือเลือกคาร์โบไฮเดรตที่ใช้ช่องทางการดูดซึมแบบเดียวซ้ำๆ อาจจะทำให้ลำไส้ overload หรือทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือดูดซึมได้ไม่หมด
ในทางตรงข้าม ถ้าเริ่มต้นด้วยเจลพลังงานที่เป็น 2:1 Glucose:Fructose สูตรเฉพาะของ X-REAL แล้วเติมด้วย sports drink หรือขนมที่มี carb blend ในอัตราส่วนใกล้เคียง ช่องดูดซึมทั้งคู่จะถูกใช้งานต่อเนื่อง ไม่ overload ช่องใดช่องหนึ่ง นั่นหมายความว่า “ลดความเสี่ยงปัญหาลำไส้” และคาร์บเข้าไปเป็นพลังงานได้เรื่อยๆ ไม่สะสมเป็นก๊าซหรือของเสียในลำไส้
ตัวอย่างการเลือกในเรซ
- X-REAL Energy Gel C29 / C29+
- เติม Sports drink ที่มีคาร์โบไฮเดรตหลายแหล่งระหว่างทาง
- มี Energy bar หรือ กล้วย ที่มีทั้งกลูโคสและฟรุกโตสธรรมชาติ
การวางการกินแบบนี้ช่วยให้ในการออกกำลังระยะยาว ลำไส้ไม่ overload ช่องดูดซึมใดช่องหนึ่งจนมากเกินไป ผลคือ ร่างกายสามารถรับคาร์โบไฮเดรตต่อเนื่อง 60-90 กรัมต่อชั่วโมง (หรือมากกว่านั้นสำหรับกลุ่มนักกีฬา elite) ลดโอกาสแน่นท้อง ท้องอืด หรือ DNF จากปัญหาท้องต่างๆ พลังงานไม่ตกกลางทาง
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะคิดมาดียังไง “ทุกสูตรเจล” ควรทดลองใช้ก่อนในวันซ้อมเสมอ! เพราะการดูดซึมและการตอบสนองของลำไส้ต่อเจลพลังงานมีความแตกต่างกันในแต่ละคน
การลองใช้เจลก่อนวันจริงจะช่วยให้
- รู้ว่าเราควรกินกี่ซองต่อชั่วโมง
- รู้ว่าตอนไหนกินแล้วเวิร์คสุด
- ปรับตัวลำไส้ให้คุ้นเคย (Train the Gut)
- ลดโอกาสเจอปัญหา “กินแล้วแน่น” หรือ “ท้องไม่สบาย” ในวันแข่งจริง
ข้อสำคัญเลยคือ ห้ามลองเจลพลังงานใหม่ครั้งแรกในวันแข่งเด็ดขาด! เพราะอาจเสี่ยงลำไส้รวน หรือพลังตกกลางทางโดยไม่รู้ตัว การลองเจลพลังงานในวันซ้อม ควรซ้อมให้เหมือนวันแข่ง แข่งให้เหมือนตอนซ้อมที่สุด และปรับหน้างาน เพื่อร่างกายที่พร้อมสนุกในสนาม
“กินเจลพลังงานตอนซ้อมแบบไหน ควรกินแบบเดียวกันในวันแข่ง”

สรุปง่ายๆ ทำไมต้องเลือก X-REAL Energy Gel?
- เลือกคาร์โบไฮเดรต 2 ช่องทาง (2:1 Glucose:Fructose)
- ลดอาการแน่น จุก อืด ท้องเสีย
- เติมพลังได้ต่อเนื่อง เหมาะทั้งก่อนและระหว่างออกกำลัง
- ทดสอบจริงกับนักกีฬาทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรตพอดีกับแผนเติมพลังงานสำหรับ Endurance
เจลพลังงานที่ไม่ได้แค่ “อร่อย” แต่ “คิดมาเพื่อ Performance” ทั้งนักวิ่งมือใหม่ และสายลุยสนามจริง
อยากให้ทุกคนออกกำลังได้อย่างสนุก และเอ็นจอย
สั่งซื้อ X-REAL Energy Gel ได้ทางร้านค้าของพาร์ทเนอร์ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ